40604 จำนวนผู้เข้าชม |
1.แม่น้ำโดรู (Douro)
ความสวยงามของที่นี่มีความโดดเด่นตรงลำน้ำที่อยู่ท่ามกลางผาชัน ทำให้แม่น้ำโดรูมีความคดเคี้ยวน่ามอง โดยเฉพาะเมื่อมองภาพมุมกว้าง อีกทั้งแม่น้ำสายนี้ยังเป็นเส้นแบ่งเขตระหว่างประเทศโปรตุเกสและประเทศสเปนอีกด้วย และเมื่อชมแม่น้ำโดรู สิ่งที่แถมมาและโดดเด่นสะดุดตาก็คือ ร็อคกี้ แคนยอนหุบเขาผาชันชื่อดังแห่งแม่น้ำโดรู อีกทั้งยังมีประวัติความเป็นมาว่าเป็นแม่น้ำที่เคยใช้เดินเรือในสมัยก่อนอีกด้วย
2.พระราชวังแห่งชาติเปนา (Pena)
ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังในประเทศใด ล้วนแต่มีเอกลักษณ์ที่แสดงให้ถึงศิลปะประจำชาติ สถาปัตยกรรมที่งามวิจิตร ที่นี่ก็เช่นเดียวกัน สำหรับที่นี่สถาปัตยกรรมออกแนวจิตนิยมใน 700 ปีก่อน โดยที่ตั้งอยู่บนภูเขาซินตรา ที่แวดล้อมไปด้วยต้นไม้สีเขียวที่สวยงามมากมาย และแน่นอนจากในปราสาทสามารถมองเห็นวิวจากที่สูงที่สุดลูกหูลูกตาแสนอัศจรรย์ได้อีกด้วย
3.อุทยานแห่งชาติเปเนดาเจแรส (Peneda-Gerês)
อุทยานเก่าแก่ของโปรตุเกสแห่งนี้มีหลักฐานทางโบราณคดีที่น่าสนใจหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น สุสานหิน สะพาน หรือถนนโรมัน ตลอดจนสัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ ทั้งกิ้งก่าเขียวชไรเบอร์ หมาป่าสีเท่า กวางโรเดียร์เป็นต้น โดยรวมแล้วอุทยานอันกว้างใหญ่ถึงเกือบสามร้อยตารางไมล์แห่งนี้ เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบทั้งประวัติศาสตร์และการชมสัตว์แปลกตาหายาก
4.ปราสาทกิวมาเรส (Guimarães Castle)
ปราสาทแห่งนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานมาถึง 10 ศตวรรษ ตั้งแต่จุดเริ่มต้นการก่อสร้าง ที่ทำขึ้นเพื่อป้องกันการรุกรานของศัตรู ที่นี่จึงมีความแข็งแรงและน่าทึ่งจนได้รับการยกย่องให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์แห่งหนึ่งในโลก นอกจากนั้นยังมีประวัติเกี่ยวข้องกับการทำพิธีรับศีลล้างบาปของกษัตริย์องค์แรกแห่งโปรตุเกสด้วย จึงนับเป็นปราสาทอีกแห่งที่ทางการอนุรักษ์ไว้อย่างดี
5.อาวีโร (Aveiro)
ด้วยสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยคลอง อีกทั้งเรือกอนโดลาที่ลอยตัวอยู่ในน้ำ เห็นสีสันสดใส ทำให้ที่นี่ถูกนำไปเปรียบเทียบว่า เสมือนเมืองเวนิสแห่งโปรตุเกส และไม่ใช่มีเพียงลำคลองที่เป็นจุดเด่น ในบริเวณเดียวกันนี้ยังมีโบสถ์ที่สวยงามด้วยสถาปัตยกรรมโกธิก สองฝั่งคลองเป็นอาคารตึกสูง ทำให้ที่นี่มีสองบรรยากาศผสมกัน รถบนถนนที่ขนาบสองฝั่งคลอง กับเรือรูปแบบโบราณ
6.โปร์ตู (Porto)
โปร์ตูเป็นจุดเริ่มต้นของทุกทริป เป็นที่ที่ให้ฉันได้ลิ้มรสชาติของโปรตุเกสเป็นครั้งแรก และฉันก็ตกหลุมรักโปร์ตูทันที ด้วยสภาพภายนอกที่เก่าแบบเก๋ๆ และฉันก็ทึ่งไปกับความมีมนุษยสัมพันธ์ของผู้คน แต่ฉันก็ไม่รู้เลยว่านี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นของอะไรๆ อย่างอื่นที่กำลังจะตามมา
7.ฟารู (Faro)
ฟารูเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากสำหรับการออกสำรวจแถบอัลการ์ฟ (Algarve) ซึ่งภายในเมืองก็ไม่มีชายหาดจริงๆ ให้ไปเที่ยวหรอก คุณต้องเรียกเรือแท็กซี่ หรือเรือประจำทางเพื่อเดินทางไปยังชายหาดเหล่านั้น แต่ที่นี่ก็มีท่าเรือน่ารักๆ และก็ยังมีเขตเมืองเก่า (Cidade Velha) ที่น่าประทับใจด้วย
8.ซาเกรส (Sagres)
สี่สิบกิโลเมตรจากปอร์ติเมาก็จะถึงซาเกรส จุดที่จัดว่าอยู่สุดขอบทางตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปยุโรป มีรถเมล์หลายสายวิ่งรับส่งระหว่างวัน ที่สามารถพาคุณไปไหนมาไหนได้ แต่ถ้าคิดจะไปแหลมเซนต์วินเซนต์ (Cape St. Vincent) และชายหาดหลายๆ หาด ใช้บริการแท็กซี่ดูจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ซาเกรสเป็นที่ที่ให้คุณมาโต้คลื่นและรู้สึกว่าตัวเองนั้นแค่กระจิดริด การที่ได้มองออกไปยังขอบโลก หรือเอาจริงๆ ก็คือมองออกไปจากขอบของยุโรปเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่ฉันไม่เคยมีมาก่อน และเป็นประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงเลยจริงๆ
9.ลากอส (Lagos)
ลากอสตั้งอยู่ระหว่างซาเกรสและปอร์ติเมา และสามารถเดินทางไปได้ด้วยระบบขนส่งมวลชนอย่างง่ายดาย เมื่อเทียบกับขนาดแล้วลากอสถือว่าค่อนข้างจะอัดแน่นไปด้วยชายหาดสวยๆ และสีสันยามราตรีที่เจิดจ้า จึงกลายเป็นที่โปรดของฉันในอัลการ์ฟไปแล้ว และก็ยังเป็นที่ที่ฉันสามารถใช้เวลาอยู่ได้ทั้งหน้าร้อนเลยทีเดียว
10.มาเดรา (Madeira)
ชาวโรมันรู้จักเกาะมาเดราในนามหมู่เกาะสีม่วง (Purple Islands) ถูกค้นพบโดยนักเดินเรือชาวโปรตุเกสในต้นปี ค.ศ. 1418 หรือ ปลายปี 1420 หมู่เกาะนี้ถูกพิจารณาว่าเป็นการค้นพบแรกของยุคการสำรวจโดยเฮนรี นักเดินทางชาวโปรตุเกส
สิ่งเป็นเป็นที่ขึ้นชื่อคือ รีสอร์ต ไวน์ที่เป็นที่โด่งดัง สภาพภูมิอากาศ ทัศนียภาพที่สวยงาม ดอกไม้ งานเย็นปักถักร้อย การฉลองปีใหม่ด้วยโชว์พลุไฟ และล่าสุดกับงานพุไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลกติดกินเนสบุ๊ค
11.ลิสบอน (Lisbon)
ลิสบอนตั้งอยู่ทิศตะวันตกของประเทศ ริมชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกของคาบสมุทรไอบีเรีย การที่ลิสบอนตั้งอยู่ทางใต้ของทวีปยุโรปและติดกับมหาสมุทร จึงได้รับอิทธิพลจากกระแสน้ำกัลฟ์สตรีม ทำให้ลิสบอนเป็นเมืองหลวงที่มีภูมิอากาศอบอุ่นที่สุดในยุโรป
12.ซินตรา (Sintra)
ซิงตราเป็นที่รู้จักจากอาคารสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ที่สร้างตามศิลปะจินตนิยมในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 19 ซึ่งทำให้เมืองนี้ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในปี ค.ศ. 1995 ซิงตราได้กลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ โดยได้ต้อนรับนักทัศนาจรจำนวนมากที่เดินทางมาจากภาคกลางและย่านชานกรุงลิสบอน นอกจากทิวเขาซิงตราและอุทยานธรรมชาติซิงตรา-กัชไกช์แล้ว ย่านต่าง ๆ ของเมืองยังเป็นที่ตั้งของปราสาท วัง สถานปฏิบัติธรรม และอาคารต่าง ๆ ของกษัตริย์และชนชั้นปกครองในสมัยก่อน ซึ่งรวมถึงปราสาทมัวร์, พระราชวังแห่งชาติเปนา และพระราชวังแห่งชาติซิงตราด้วย
สนใจทัวร์ยุโรป
สนใจติดต่อ
Tel: 0-2926-3508-9, 0-2903-1406
0-2926-3482,081-694-4926
Email: angeltour.organizer@gmail.com
Id Line: @angeltour, Id Line: angeltour99
***********************************************************
ขอขอบคุณ
สกายแคนเนอร์
www.sanook.com